Our History
ภูมิใจนำเสนอทุกก้าวสำคัญที่บุกเบิกทไวนิงส์ (Twinings) จากอดีตจวบจนปัจจุบัน
ภูมิใจนำเสนอทุกก้าวสำคัญที่บุกเบิกทไวนิงส์
(Twinings) จากอดีตจวบจนปัจจุบัน
(Twinings) จากอดีตจวบจนปัจจุบัน
Year 2737 BC.
2737 ปีก่อนคริสตกาล กำเนิดชาถ้วยแรก
ตามประวัติศาสตร์จีนโบราณกล่าวว่า ชา ถูกค้นพบครั้งแรกโดย จักรพรรดิเสิน-หนง
(Shen Nung Emperor) แห่งแผ่นดินจีน ทรงแปลกพระทัยมากกว่าจะทรงกริ้วเมื่อทราบว่า
น้ำดื่มที่ข้าราชบริพารนำมาถวายนั้นมีสีน้ำตาลและส่งกลิ่นหอม เพราะมีใบไม้ชนิดหนึ่ง
ตกลงไปในหม้อต้มโดยบังเอิญ และเมื่อลองเสวยดูพระองค์ก็พบว่าน้ำต้มนั้นมีรสชาติดี
อีกทั้งยังให้ความรู้สึกสดชื่นหลังจากนั้นชาก็กลายเป็นที่รู้จักและนิยมดื่มกันทั่วไปในเมืองจีน
ส่วนตำนานอินเดียกล่าวไว้ว่าท่านโพธิธรรม (หรือตักม้อ) พระสงฆ์ผู้ก่อตั้งนิกายเซน
และบำเพ็ญเพียรภาวนาถึง 7 ปีโดยไม่หยุดพักในปีที่ 5 ของการนั่งภาวนานั้นเอง
พระโพธิธรรมรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหวจึงเด็ดใบไม้จากพุ่มใกล้ ๆ มาเคี้ยวแล้วพบว่าความง่วงได้พลันหายไป ซึ่งพุ่มไม้เหล่านั้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นต้นชานั่นเองแต่ยังมีอีกเรื่องเล่าหนึ่งกล่าวว่าโพธิธรรมซึ่งกำลังง่วงจนหนังตาแทบปิดนั้นได้เฉือนเอาเปลือกตาของท่านโยนทิ้ง
ต่อมาบริเวณที่เปลือกตาของท่านตกอยู่ก็เกิดเป็นพุ่มไม้งอกงามออกมาเป็นที่มาของต้นชาต้นแรกสำหรับสองตำนานของอินเดียนี้ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เรื่องหนึ่งที่พอมีมูลความจริงอยู่
บ้างก็คือพระโพธิธรรมคือผู้นำต้นชาจากอินเดียมาปลูกที่เมืองจีนเป็นคนแรก ตามประวัติศาสตร์จีน กล่าวว่า ชา ถูกค้นพบครั้งแรกโดย จักรพรรดิเสิน-หนง (Shen Nung Emperor) ทรงแปลกพระทัย เมื่อทราบว่าน้ำดื่มที่ข้าราชบริพารนำมาถวายนั้นมีสีน้ำตาลและส่งกลิ่นหอม เพราะมีใบไม้ชนิดหนึ่งตกลงไปในหม้อต้มโดยบังเอิญ มีรสชาติดีและยังให้ความรู้สึกสดชื่น จากนั้นชาก็กลายเป็นที่รู้จักและนิยมดื่มกันทั่วไปในเมืองจีน ส่วนตำนานอินเดียกล่าวไว้ว่า ท่านโพธิธรรม (หรือตักม้อ) พระสงฆ์ผู้ก่อตั้งนิกายเซนและบำเพ็ญเพียรภาวนาถึง 7 ปีโดยไม่หยุดพัก รู้สึกง่วงจนทนไม่ไหว จึงเด็ดใบไม้จากพุ่มใกล้ๆ มาเคี้ยวแล้วพบว่าความง่วงได้พลันหายไป ซึ่งพุ่มไม้เหล่านั้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นต้นชานั่นเอง ตำนานของอินเดียนี้ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เรื่องที่พอมีมูลความจริงอยู่บ้างก็คือ พระโพธิธรรมคือผู้นำต้นชาจากอินเดียมาปลูกที่เมืองจีนเป็นคนแรก
(Shen Nung Emperor) แห่งแผ่นดินจีน ทรงแปลกพระทัยมากกว่าจะทรงกริ้วเมื่อทราบว่า
น้ำดื่มที่ข้าราชบริพารนำมาถวายนั้นมีสีน้ำตาลและส่งกลิ่นหอม เพราะมีใบไม้ชนิดหนึ่ง
ตกลงไปในหม้อต้มโดยบังเอิญ และเมื่อลองเสวยดูพระองค์ก็พบว่าน้ำต้มนั้นมีรสชาติดี
อีกทั้งยังให้ความรู้สึกสดชื่นหลังจากนั้นชาก็กลายเป็นที่รู้จักและนิยมดื่มกันทั่วไปในเมืองจีน
ส่วนตำนานอินเดียกล่าวไว้ว่าท่านโพธิธรรม (หรือตักม้อ) พระสงฆ์ผู้ก่อตั้งนิกายเซน
และบำเพ็ญเพียรภาวนาถึง 7 ปีโดยไม่หยุดพักในปีที่ 5 ของการนั่งภาวนานั้นเอง
พระโพธิธรรมรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหวจึงเด็ดใบไม้จากพุ่มใกล้ ๆ มาเคี้ยวแล้วพบว่าความง่วงได้พลันหายไป ซึ่งพุ่มไม้เหล่านั้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นต้นชานั่นเองแต่ยังมีอีกเรื่องเล่าหนึ่งกล่าวว่าโพธิธรรมซึ่งกำลังง่วงจนหนังตาแทบปิดนั้นได้เฉือนเอาเปลือกตาของท่านโยนทิ้ง
ต่อมาบริเวณที่เปลือกตาของท่านตกอยู่ก็เกิดเป็นพุ่มไม้งอกงามออกมาเป็นที่มาของต้นชาต้นแรกสำหรับสองตำนานของอินเดียนี้ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เรื่องหนึ่งที่พอมีมูลความจริงอยู่
บ้างก็คือพระโพธิธรรมคือผู้นำต้นชาจากอินเดียมาปลูกที่เมืองจีนเป็นคนแรก ตามประวัติศาสตร์จีน กล่าวว่า ชา ถูกค้นพบครั้งแรกโดย จักรพรรดิเสิน-หนง (Shen Nung Emperor) ทรงแปลกพระทัย เมื่อทราบว่าน้ำดื่มที่ข้าราชบริพารนำมาถวายนั้นมีสีน้ำตาลและส่งกลิ่นหอม เพราะมีใบไม้ชนิดหนึ่งตกลงไปในหม้อต้มโดยบังเอิญ มีรสชาติดีและยังให้ความรู้สึกสดชื่น จากนั้นชาก็กลายเป็นที่รู้จักและนิยมดื่มกันทั่วไปในเมืองจีน ส่วนตำนานอินเดียกล่าวไว้ว่า ท่านโพธิธรรม (หรือตักม้อ) พระสงฆ์ผู้ก่อตั้งนิกายเซนและบำเพ็ญเพียรภาวนาถึง 7 ปีโดยไม่หยุดพัก รู้สึกง่วงจนทนไม่ไหว จึงเด็ดใบไม้จากพุ่มใกล้ๆ มาเคี้ยวแล้วพบว่าความง่วงได้พลันหายไป ซึ่งพุ่มไม้เหล่านั้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นต้นชานั่นเอง ตำนานของอินเดียนี้ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เรื่องที่พอมีมูลความจริงอยู่บ้างก็คือ พระโพธิธรรมคือผู้นำต้นชาจากอินเดียมาปลูกที่เมืองจีนเป็นคนแรก
1615
ชา ได้เดินทางมาถึงประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก
ชาได้เข้าอังกฤษ จากการแนะนำของ บริษัท ดัตช์ อีส อินเดีย จำกัด ภายใต้พระบรมราชานุญาตของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ ที่ 1 ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชา ก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะผู้ที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการดื่มชาของสังคมอังกฤษมากที่สุดคนหนึ่ง คือ แคทเธอรีน เดอ บรากันซา ราชินีชาวโปรตุเกสของพระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 2 ในปีค.ศ. 1662 พระนางได้เชิญพระสหายมาร่วมดื่มชาและสังสรรค์กัน ที่ Royal Court หลังจากนั้นไม่นาน วัฒนธรรมการดื่มชาก็ได้รับความนิยมในสังคมอังกฤษอย่างรวดเร็ว
ชาได้เข้าอังกฤษ จากการแนะนำของ บริษัท ดัตช์ อีส อินเดีย จำกัด ภายใต้พระบรมราชานุญาตของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ ที่ 1 ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชา ก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะผู้ที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการดื่มชาของสังคมอังกฤษมากที่สุดคนหนึ่ง คือ แคทเธอรีน เดอ บรากันซา ราชินีชาวโปรตุเกสของพระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 2 ในปีค.ศ. 1662 พระนางได้เชิญพระสหายมาร่วมดื่มชาและสังสรรค์กัน ที่ Royal Court หลังจากนั้นไม่นาน วัฒนธรรมการดื่มชาก็ได้รับความนิยมในสังคมอังกฤษอย่างรวดเร็ว
Year 1701
โธมัส ทไวนิงส์ เริ่มมีแนวคิดที่จะเปิดธุรกิจ
นำเข้าชา
นำเข้าชา
ภายหลังร่วมงานกับ Thomas D'Aeth นักธุรกิจแห่ง
East India Company จนประสบความสำเร็จและเชี่ยวชาญ
ด้านธุรกิจการนำเข้าชาจากทั่วโลกแล้วโธมัส ทไวนิงส์
ในวัยเพียง 26 ปี เริ่มมีความคิดที่จะเปิดธุรกิจนำเข้าชา
ขึ้นเป็นของตัวเอง
East India Company จนประสบความสำเร็จและเชี่ยวชาญ
ด้านธุรกิจการนำเข้าชาจากทั่วโลกแล้วโธมัส ทไวนิงส์
ในวัยเพียง 26 ปี เริ่มมีความคิดที่จะเปิดธุรกิจนำเข้าชา
ขึ้นเป็นของตัวเอง
Year 1706
จุดเริ่มต้นของทไวนิงส์ หนึ่งในบริษัทแรกๆที่นำ
วัฒนธรรมการดื่มชาเข้ามาสู่อังกฤษ
วัฒนธรรมการดื่มชาเข้ามาสู่อังกฤษ
เมื่อโธมัสตัดสินใจซื้อต่อกิจการร้าน TOM'S COFFEE HOUSE
บนถนน Strand ในกรุงลอนดอน สถานที่ตั้งนี้เองถือเป็นหนึ่งในกุญแจ
สู่ความสำเร็จทางธุรกิจของทไวนิงส์ เพราะตั้งอยู่ระหว่างกรุงลอนดอน
และเมืองเวสต์มินส์เตอร์ พื้นที่ที่ชนชั้นสูงนิยมมารวมตัวกันเพื่อพบปะสังสรรค์
หรือทำธุรกิจ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมตัวของกลุ่มคนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน
เช่น นักกวี ทหาร ฯลฯ
สำหรับที่ TOM'S COFFEE HOUSE โธมัสตั้งใจนำ ชา มาเป็นจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านกาแฟอื่นๆ
ที่กำลังเป็นที่นิยม ด้วยวิสัยทัศน์ของเขาที่มองเห็นว่า ชา จะกลายเป็นที่นิยมในอนาคต และด้วยภาษีนำเข้าของชาที่แพงมาก
ขนาดทำให้ชาเขียวกันพาวเดอร์ (Gunpowder Green Tea) ของ ทไวนิงส์ ที่ขายในปี 1706 มีราคาสูงถึง 160 ปอนด์ต่อ 100 กรัม
ชาจึงเป็นเครื่องดื่มสำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น นอกจากนั้นเขายังสามารถจำหน่ายใบชาทไวนิงส์ไปสู่ร้านกาแฟอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ส่วนสำหรับสาวสังคมชั้นสูง การจะเข้าไปในโลกของผู้ชายที่ร้านกาแฟถือเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ในสมัยนั้น แต่ที่ TOM'S COFFEE
HOUSE ของโธมัส ทไวนิงส์ พวกเธอสามารถได้รับการต้อนรับและบริการอย่างดีด้วยชาคุณภาพสูงรสเลิศ จึงไม่แปลกที่จะมีสาว
สังคมชั้นสูง จำนวนมากมาเป็นลูกค้าที่ร้านและทำให้ TOM'S COFFEE HOUSE ได้รับความนิยมสูงมากจนประสบความสำเร็จ
อย่างรวดเร็ว เมื่อโธมัสซื้อต่อกิจการร้าน TOM'S COFFEE HOUSE บนถนน Strand ในกรุงลอนดอน สถานที่ตั้งนี้ถือกุญแจสู่ความสำเร็จทางธุรกิจของทไวนิงส์ เพราะตั้งอยู่ระหว่างกรุงลอนดอนและเมืองเวสต์มินส์เตอร์ พื้นที่ที่ชนชั้นสูงนิยมมารวมตัวกัน สังสรรค์ หรือทำธุรกิจ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมตัวของ นักกวี ทหาร ฯลฯ โธมัสตั้งใจนำ ชา มาเป็นจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านกาแฟอื่นๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม ด้วยวิสัยทัศน์ของเขาที่มองว่า ชา จะเป็นที่นิยมในอนาคต และด้วยภาษีนำเข้าของชาที่แพงมากขนาดทำให้ชาเขียวกันพาวเดอร์ (Gunpowder Green Tea) ของ ทไวนิงส์ ที่ขายในปี 1706 มีราคาสูงถึง 160 ปอนด์ต่อ 100 กรัม ชาจึงเป็นเครื่องดื่มสำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น นอกจากนั้นเขายังสามารถจำหน่ายใบชาทไวนิงส์ไปสู่ร้านกาแฟอื่นๆได้อีกด้วย ส่วนสำหรับสาวสังคมชั้นสูง การจะเข้าไปในโลกของผู้ชายที่ร้านกาแฟถือเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ในสมัยนั้น แต่ที่ TOM'S COFFEE HOUSE พวกเธอสามารถได้รับการต้อนรับอย่างดีด้วยชาคุณภาพสูงรสเลิศ จึงไม่แปลกที่จะมีสาวสังคมชั้นสูงจำนวนมากมาเป็นลูกค้าที่ร้าน จนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
บนถนน Strand ในกรุงลอนดอน สถานที่ตั้งนี้เองถือเป็นหนึ่งในกุญแจ
สู่ความสำเร็จทางธุรกิจของทไวนิงส์ เพราะตั้งอยู่ระหว่างกรุงลอนดอน
และเมืองเวสต์มินส์เตอร์ พื้นที่ที่ชนชั้นสูงนิยมมารวมตัวกันเพื่อพบปะสังสรรค์
หรือทำธุรกิจ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมตัวของกลุ่มคนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน
เช่น นักกวี ทหาร ฯลฯ
สำหรับที่ TOM'S COFFEE HOUSE โธมัสตั้งใจนำ ชา มาเป็นจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านกาแฟอื่นๆ
ที่กำลังเป็นที่นิยม ด้วยวิสัยทัศน์ของเขาที่มองเห็นว่า ชา จะกลายเป็นที่นิยมในอนาคต และด้วยภาษีนำเข้าของชาที่แพงมาก
ขนาดทำให้ชาเขียวกันพาวเดอร์ (Gunpowder Green Tea) ของ ทไวนิงส์ ที่ขายในปี 1706 มีราคาสูงถึง 160 ปอนด์ต่อ 100 กรัม
ชาจึงเป็นเครื่องดื่มสำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น นอกจากนั้นเขายังสามารถจำหน่ายใบชาทไวนิงส์ไปสู่ร้านกาแฟอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ส่วนสำหรับสาวสังคมชั้นสูง การจะเข้าไปในโลกของผู้ชายที่ร้านกาแฟถือเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ในสมัยนั้น แต่ที่ TOM'S COFFEE
HOUSE ของโธมัส ทไวนิงส์ พวกเธอสามารถได้รับการต้อนรับและบริการอย่างดีด้วยชาคุณภาพสูงรสเลิศ จึงไม่แปลกที่จะมีสาว
สังคมชั้นสูง จำนวนมากมาเป็นลูกค้าที่ร้านและทำให้ TOM'S COFFEE HOUSE ได้รับความนิยมสูงมากจนประสบความสำเร็จ
อย่างรวดเร็ว เมื่อโธมัสซื้อต่อกิจการร้าน TOM'S COFFEE HOUSE บนถนน Strand ในกรุงลอนดอน สถานที่ตั้งนี้ถือกุญแจสู่ความสำเร็จทางธุรกิจของทไวนิงส์ เพราะตั้งอยู่ระหว่างกรุงลอนดอนและเมืองเวสต์มินส์เตอร์ พื้นที่ที่ชนชั้นสูงนิยมมารวมตัวกัน สังสรรค์ หรือทำธุรกิจ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมตัวของ นักกวี ทหาร ฯลฯ โธมัสตั้งใจนำ ชา มาเป็นจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านกาแฟอื่นๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม ด้วยวิสัยทัศน์ของเขาที่มองว่า ชา จะเป็นที่นิยมในอนาคต และด้วยภาษีนำเข้าของชาที่แพงมากขนาดทำให้ชาเขียวกันพาวเดอร์ (Gunpowder Green Tea) ของ ทไวนิงส์ ที่ขายในปี 1706 มีราคาสูงถึง 160 ปอนด์ต่อ 100 กรัม ชาจึงเป็นเครื่องดื่มสำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น นอกจากนั้นเขายังสามารถจำหน่ายใบชาทไวนิงส์ไปสู่ร้านกาแฟอื่นๆได้อีกด้วย ส่วนสำหรับสาวสังคมชั้นสูง การจะเข้าไปในโลกของผู้ชายที่ร้านกาแฟถือเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ในสมัยนั้น แต่ที่ TOM'S COFFEE HOUSE พวกเธอสามารถได้รับการต้อนรับอย่างดีด้วยชาคุณภาพสูงรสเลิศ จึงไม่แปลกที่จะมีสาวสังคมชั้นสูงจำนวนมากมาเป็นลูกค้าที่ร้าน จนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
Year 1749
ทไวนิงส์ส่งออกชาเป็นครั้งแรก
ทไวนิงส์เริ่มต้นการส่งออกชาโดยมีประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรก และผู้ว่าการแห่งนครบอสตัน
ในขณะนั้นก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของชา Twinings
เป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรก และผู้ว่าการแห่งนครบอสตัน
ในขณะนั้นก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของชา Twinings
Year 1784
ลดกำแพงภาษีสำหรับชาลงจนเป็นผลสำเร็จ
โดยหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญเรื่องนี้ก็ คือ ริชาร์ด ทไวนิงส์
และทำให้วัฒนธรรมการดื่มชายังคงเป็นส่วนหนึ่ง
ของสังคมอังกฤษจวบจนปัจจุบัน
และทำให้วัฒนธรรมการดื่มชายังคงเป็นส่วนหนึ่ง
ของสังคมอังกฤษจวบจนปัจจุบัน
Year 1787
ออกแบบโลโก้ Twinings เป็นครั้งแรก
Twinings ออกแบบโลโก้ของบริษัทขึ้นเป็นครั้งแรก
และใช้โลโก้นี้เป็นเครื่องหมายการค้ามาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งโลโก้ของ Twinings นี้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าหนึ่ง
ที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดเลยก็ว่าได้
และใช้โลโก้นี้เป็นเครื่องหมายการค้ามาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งโลโก้ของ Twinings นี้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าหนึ่ง
ที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดเลยก็ว่าได้
Year 1837
เครื่องดื่มประจำราชสำนัก
โดยได้รับพระราชทานตรารับรองอย่างเป็นทางการ
จากพระนางเจ้าวิกตอเรีย ตราบจนถึงทุกวันนี้
Twinings ยังคงได้รับความไว้วางใจในเรื่องคุณภาพ
และรสชาติให้เป็นเครื่องดื่มประจำราชสำนัก
จากพระนางเจ้าวิกตอเรีย ตราบจนถึงทุกวันนี้
Twinings ยังคงได้รับความไว้วางใจในเรื่องคุณภาพ
และรสชาติให้เป็นเครื่องดื่มประจำราชสำนัก
Year 1904
เริ่มธุรกิจชาในกรุงปารีส
Twinings เริ่มขยายกิจการชาไปสู่ประเทศฝรั่งเศส
และเปิดร้านสาขาแรกของฝรั่งเศสขึ้นที่กรุงปารีส
ในปี ค.ศ. 1910
และเปิดร้านสาขาแรกของฝรั่งเศสขึ้นที่กรุงปารีส
ในปี ค.ศ. 1910
Year 1933
อิงลิช เบรกฟาสต์ ถูกปรุงขึ้นเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นชาปรุงสูตรต่าง ๆ ของ Twinings
ตั้งแต่ Irish Breakfast, Earl Grey และ Ceylon
ก็เริ่มผลิตออกสู่ตลาดชาเรื่อยมา
ตั้งแต่ Irish Breakfast, Earl Grey และ Ceylon
ก็เริ่มผลิตออกสู่ตลาดชาเรื่อยมา
Year 1940
ทไวนิงส์ส่งชาให้กาชาดสากล
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Twinings ได้ส่งชาเพื่อสนับสนุน
กองทัพอังกฤษในขณะนั้น ทั้งยังได้ส่งชาให้กับกาชาดสากล
กลุ่มสตรีอาสาในสงครามรวมถึง YMCA อีกด้วย
กองทัพอังกฤษในขณะนั้น ทั้งยังได้ส่งชาให้กับกาชาดสากล
กลุ่มสตรีอาสาในสงครามรวมถึง YMCA อีกด้วย
Year 1956
ชาทไวนิงส์ชนิดซองวางจำหน่าย
เมื่อชาเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอังกฤษ
และเริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก ผลิตภัณฑ์จากชาในรูปแบบใหม่ๆ
จึงเริ่มมีออกมาวางตลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาซอง
ซึ่ง Twinings ได้เริ่มผลิตชาชนิดซองออกวางขาย
เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1956
และเริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก ผลิตภัณฑ์จากชาในรูปแบบใหม่ๆ
จึงเริ่มมีออกมาวางตลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาซอง
ซึ่ง Twinings ได้เริ่มผลิตชาชนิดซองออกวางขาย
เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1956
Year 1964
AB Food & Beverages เข้าบริหารจัดการทไวนิงส์
ภายใต้การบริหารจัดการของ AB Food & Beverages ทไวนิงส์ (Twinings)
ถือว่าเป็นชาชั้นนำระดับโลกที่เป็นที่ยอมรับในกว่า 115 ประเทศทั่วโลก
ถือว่าเป็นชาชั้นนำระดับโลกที่เป็นที่ยอมรับในกว่า 115 ประเทศทั่วโลก
Year 1972
ทไวนิงส์รับรางวัลส่งออกยอดเยี่ยม
Twinings คือ บริษัทแห่งแรกที่ได้รับรางวัลการส่งออกยอดเยี่ยม
จากสมเด็จพระราชินี และได้รับรางวัลเดียวกันนี้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1977
จากสมเด็จพระราชินี และได้รับรางวัลเดียวกันนี้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1977
Year 1980
ทไวนิงส์ผลิตชาสกัดคาเฟอีนออกจำหน่าย
เมื่อชาเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอังกฤษ
และเริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก ผลิตภัณฑ์จากชาจึงได้รับ
การพัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้นโดยในปี 1980
Twinings สามารถผลิตชาที่สกัดคาเฟอีน
(Decaffeinated) ออกได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้นในปี 1981
Twinings Iced Tea ก็เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรก
และเริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก ผลิตภัณฑ์จากชาจึงได้รับ
การพัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้นโดยในปี 1980
Twinings สามารถผลิตชาที่สกัดคาเฟอีน
(Decaffeinated) ออกได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้นในปี 1981
Twinings Iced Tea ก็เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรก
Year 1996
ทไวนิงส์ผลิตชาออกานิกออกจำหน่าย
ในปี ค.ศ. 1996 Twinings สามารถคิดค้นผลิตชา Organic
หรือชาที่ปลอดสารเคมีทุกชนิด ได้เป็นครั้งแรก
หรือชาที่ปลอดสารเคมีทุกชนิด ได้เป็นครั้งแรก
Year 2006
ปีแห่งการครบรอบ 300 ปีของทไวนิงส์
ชาอังกฤษแท้ที่ละเมียดละไมในทุกรายละเอียดและยัง
คงรักษามาตรฐานการปรุงชาสูตรดั้งเดิมจนได้รับ
การยอมรับและความนิยมจากนักดื่มชาทั่วโลก
คงรักษามาตรฐานการปรุงชาสูตรดั้งเดิมจนได้รับ
การยอมรับและความนิยมจากนักดื่มชาทั่วโลก
Year 2011
The Royal Wedding Commemorative Blend
ชาเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรส
ชาเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรส
Twinings ได้รับเกียรติจากราชวงศ์อังกฤษ ให้เป็นผู้ปรุงชาสูตรพิเศษขึ้น
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรสระหว่าง ดยุค และ ดัชเชส แห่ง เคมบริดจ์
ในชื่อ Twinings The Royal Wedding Commemorative Blend
ชาที่ปรุงขึ้นเพื่อต้อนรับเจ้าหญิงองค์ใหม่
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรสระหว่าง ดยุค และ ดัชเชส แห่ง เคมบริดจ์
ในชื่อ Twinings The Royal Wedding Commemorative Blend
ชาที่ปรุงขึ้นเพื่อต้อนรับเจ้าหญิงองค์ใหม่
The Future
The Future ความมุ่งมั่นของ Twinings
เป็นเวลากว่า 300 ปีแล้วนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1706 ที่ Twinings ยังคงเป็นชาอังกฤษแท้ที่คงรสชาติเยี่ยมละเมียดละไม
และยังคงสร้างสรรค์สูตรชาใหม่ ๆ หลากหลายสูตรออกมา จนเป็นที่ยอมรับจากนักดื่มชาทั่วโลก พร้อมกันนี้เรายังมุ่งมั่น
ที่จะผลักดันให้วัฒนธรรมดื่มชาเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน
และยังคงสร้างสรรค์สูตรชาใหม่ ๆ หลากหลายสูตรออกมา จนเป็นที่ยอมรับจากนักดื่มชาทั่วโลก พร้อมกันนี้เรายังมุ่งมั่น
ที่จะผลักดันให้วัฒนธรรมดื่มชาเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน